Lead Time คืออะไร หมายถึงอะไร นำมาใช้เกี่ยวกับโรงแรมได้อย่างไรบ้าง วันนี้เรามาแบ่งปันความรู้ ประสบการ์ณและทำความเข้าใจกัน
โดยความหมายของคำศัพท์แล้ว จะหมายถึงระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการจนเสร็จสิ้นกระบวนการ
แล้วเกี่ยวอะไรกับโรงแรม?
สำหรับโรงแรมที่พักแล้วคำว่า Lead Time เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องได้ในหลายขั้นตอน แล้วแต่การนำมาใช้งาน หรือใช้เรียกในระหว่างกระบวนการการทำงาน เช่น
+ ระหว่างการก่อสร้าง โรงแรมจะมีการวางแผนการสั่งเครื่องมือเครื่องใช้และอุปกรณ์ในการทำงานต่างๆ ซึ่งต้องมีการวางแผนและหาข้อมูลว่าเครื่องมือ เครื่องใช้ หรืออุปกรณ์อะไรบ้างที่มีระยะเวลาการสั่งสินค้าที่ต้องใช้เวลานานตั้งแต่การสั่งซื้อจนถึงการส่งมอบสินค้าเพื่อให้โรงแรมติดตั้ง เช่น โรงแรมที่จำเป็นต้องใช้ลิฟต์โดยสาร หรือลิฟต์ขนของ สินค้ารายการนี้เป็นสินค้าที่ต้องใช้เวลาในการสั่งสินค้า และหากต้องการเลือกแบบที่ออกแบบเฉพาะของโรงแรม ลวดลายบนผนังห้องโดยสาร แผงปุ่มกด ราวจับภายในห้องลิฟต์ อาจต้องใช้เวลานานเพิ่มขึ้น หรือแม้การเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในห้องโดยสารก็อาจมีผลต่อระยะเวลาการสั่งสินค้า ดังนั้นทีมควบคุมการก่อสร้าง จะมีการวางแผนและหาข้อสรุปเรื่องรูปแบบกับเจ้าของโครงการตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้กำหนดวันส่งมอบลิฟต์มาถึงโครงการในสอดคล้องกับความคืบหน้าของการก่อสร้าง
+ การเตรียมการเปิดโรงแรม แผนกต่างๆโดยเฉพาะแผนกจัดซื้อจะทำงานหนักมากเพราะต้องรวบรวมข้อมูลสินค้าเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ภายในโรงแรมทั้งหมด หาร้านค้าเพื่อทำการเปรียบเทียบทั้งราคา เงื่อนไขการให้บริการหลังการขาย และอื่นๆ และวางแผนการจัดซื้อ สั่งสินค้าให้มาพร้อมให้ทีมทำงานได้ทันการ โดยเฉพาะห้องอาหาร และครัว ที่มีเครื่องมือเครื่องใช้จำนวนมากและมีรายละเอียด อีกทั้งยังต้องมีการซ้อมทำอาหาร จัดจาน นำเสนอ และสรุปเรื่องต้นทุนและราคาขาย ก่อนจัดทำเป็นเมนูเพื่อให้พร้อมเปิดทันกับการเปิดโรงแรม เป็นต้น หรือแผนกแม่บ้าน ก็มีรายการของสั่งซื้อมากรายการเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ น้ำยา และอุปกรณ์ทำความสะอาด รวมทั้งรายการผ้าต่างๆ ผ้าปูเตียง ที่นอน ปลอกหมอน ฯลฯ เพราะฉนั้นระยะเวลาตั้งแต่การสั่งซื้อจนถึงการได้รับสินค้าของทุกแผนกจึงต้องสอดคล้องไปด้วยกันทั้งโรงแรม
+ ด้านการขายและการตลาด การทำความเข้าใจเรื่อง Lead Time จริงๆแล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และอยากแนะนำให้ทุกโรงแรมนำมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเวลา และการทำการตลาดและการขายที่เข้มข้นแบบเข้าใจกลุ่มลูกค้า
ยกตัวอย่าง เริ่มจากการตั้งข้อสังเกตในการสำรองห้องพักของลูกค้าแต่ละตลาดว่ามีระยะเวลาการจองห้องพัก ตั้งแต่การเริ่มติดต่อจนถึงวันเข้าพักเป็นระยะเวลากี่วัน ลูกค้าแต่ละประเทศมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันอย่างไร
หากเราเก็บสถิติให้ดี เราจะเห็นพฤติกรรมของลูกค้าที่ชัดเจน ซึ่งทีมขายและการตลาดสามารถนำมาปรับใช้ในการวางแผนการออกแคมเปญ ให้เข้ากับพฤติกรรมการจองห้องพัก รวมทั้งการตั้งระยะเวลาในการหวังผลจากการใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่ นึกจะออกโปรโมชั่น ก็ออก นึกจะใช้สื่อ โซเชี่ยลโฆษณาเมื่อไหร่ก็ทำโดยไม่รู้ที่มาที่ไป
นักท่องเที่ยวต่างชาติในแถบยุโรป มีการวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้านานกว่านักท่องเที่ยวในแถบเอเซีย เนื่องจากระยะเวลาในการเดินทาง และฤดูกาลท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน ตลาดเอเซียมีความคล้ายคลึงกันในเรื่องความเป็นตลาดวันธรรมดาและตลาดวันหยุด ทั้งวันหยุดประจำสัปดาห์และวันหยุดต่อเนื่องตามเทศกาลต่างๆ ใช้เวลาในการวางแผนการท่องเที่ยวไม่นานอาจแค่ 1-2 สัปดาห์อย่างมากหากเดินทางกันเป็นกลุ่ม แต่ถ้าเดินทางแค่ 2-3 คนอาจใช้เวลาสั้นๆล่วงหน้าไม่ถึง 1 สัปดาห์
สำหรับบ้านเรา ตลาดคนไทยด้วยกัน ผลจากการจัดงานท่องเที่ยวเพื่อจำหน่ายแพ็คเกจต่างๆ มีผลในการสร้างพฤติกรรมของลูกค้าในการจองที่พัก สำหรับกลุ่มลูกค้าบางกลุ่มที่ชื่นชอบงานประเภทนี้ ซึ่งนำเสนอราคาประหยัด แต่ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขการใช้งาน และการเข้าพักตามนโยบายของแต่ละโรง ดังนั้นเมื่อพิจารณาตลาดรวมของแต่ละโรงแรม ผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการก็ควรหันมาทำความเข้าใจว่าการออกงานแบบนี้มีสัดส่วนรายได้ หรือส่วนแบ่งการตลาดต่อรายได้รวมเท่าไหร่ หรืออาจหันไปวางนโยบายกันตั้งแต่ต้นปีว่าว่าจะใช้รูปแบบงานออกร้าน ออกบูธประเภทนี้เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งที่มาของรายได้ประจำปี หรือเป็นการสร้างสีสันของกิจกรรมด้านการขายและการตลาด
ลองนำไปปรับใช้กันดู สังเกต เก็บข้อมูล และวิเคราะห์เพื่อปรับแผนการทำงานย่อมมีประโยชน์กว่า #เห็นใครทำอะไรก็ทำตามตามกันไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น